เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ประกาศแต่งตั้ง มาริโอ ยูรอฟสกี้ ตำนานนักเตะของสโมสรเป็น 'เฮดโค้ชคนใหม่' โดยจะเริ่มต้นทำหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนตั้งแต่วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม 2020 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ยูรอฟสกี้ จะทำงานร่วมกับ ดาร์เรน รี๊ด ผู้อำนวยการอะคาเดมี่, ดานโญา เซียก้า โค้ชรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี และมี อุทัย บุญเหมาะ โค้ชดีกรี เอ ไลเซ่นส์ ที่จะมาปลุกปั้นกิเลนผยองในช่วงที่เหลือของฤดูกาล 2020-21

ยูรอฟสกี้ มีประกาศแขวนสตั๊ดเมื่อต้นปี 2020 ทั้งๆ ที่เจ้าตัวสามารถเล่นอาชีพต่อได้ แต่การที่เขาเลือกที่จะยุติอาชีพนักฟุตบอล ก็เพราะการได้ปิดฉากการเล่นกับ เมืองทอง อันเป็นสโมสรที่ตนเองมอบทั้ง 4 ห้องหัวใจให้

ทันทีที่ ยูรอฟสกี้ ประกาศเลิกเล่น เขาเดินหน้าสู่หลักสูตรการเป็นโค้ชอย่างเต็มตัว ซึ่งทาง เมืองทอง ก็คอยจับตาดูการเคลื่อนไหวและพัฒนาการของอดีตตเพลย์เมกเกอร์คนนี้มาโดยตลอด

วันนี้เขาพร้อมแล้วที่จะเข้ามา 'กอบกู้' กิเลนผยอง ด้วยฟุตบอล 'เกมรุก' อันเป็นปรัชญาตั้งแต่ก่อตั้งสโมสร

หวังว่าต่อจากนี้ไป ยูรอฟสกี้ จะได้รับการสนับสนุนจากแฟนๆ กับเส้นทางสายใหม่ที่เจ้าตัวปรารถนามาตลอดว่าอยากจะได้ 'แชมป์' กับ เมืองทอง อีกครั้งในฐานะ 'เฮดโค้ช'

ยูรอฟสกี้ เติบโตมาจากครอบครัวนักฟุตบอลอย่างแท้จริง เพราะว่า มิลโก้ คุณพ่อของเขาและ บอสโก้ คุณลุงมีดีกรีเป็นถึงกองกลางและกองหน้าทีมชาติยูโกสลาเวียเลยทีเดียว

มิลโก้ คุณพ่อของเขาคือนักเตะประวัติศาสตร์ของยูโกสลาเวีย เพราะเป็นคนแรกที่ย้ายจาก เร้ด สตาร์ เบลเกรด ไปอยู่กับ ปาร์ติซาน เบลเกรด 2 คู่รักคู่แค้น เทียบกับ แมนเชสตอร์ ยูไนเต็ด - ลิเวอร์พูล และ เรอัล มาริด - บาร์เซโลน่า

ส่วนคุณลุง บอสโก้ นั้นก็เป็นผู้เล่นระดับตำนานของ เร้ด สตาร์ ที่ลงเล่นไปกว่า 300 เกม ก่อนจะผันตัวเองไปเป็นโค้ช และเคยรับงานคุมทีมชาติมาซิโดเนีย ระหว่างปี 2013-15

ตัวของ ยูรอฟสกี้ เริ่มต้นเส้นทางลูกหนังกับ เอฟซี จูเนียร์ ทว่าแวว 'อัจฉริยะ' ไปเตะตาแมวมองของ เร้ด สตาร์ เบลเกรด เข้าอย่างจัง ว่าแล้วอดีตแชมป์ยุโรป จึงส่งคนมาทาบทามเพื่อให้เข้าอะคาเดมี่ของสโมสรตอนที่เจ้าตัวอายุ 14 ขวบ

หลังจากฝึกฝนฟุตบอลอย่างจริงจังเขาก็ได้เซ็นสัญญาอาชีพกับ เร้ด สตาร์ ในปี 2003 ก่อนจะย้ายไปเล่นให้ เบซานนิญ่า ทีมร่วมลีกเซอร์เบีย ซึ่งที่นี่เขาฟอร์มเจิดจรัสถึงขั้นติดเป็นหนึ่งในผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล 2006-07 พร้อมกับนำทีมผ่านเข้าไปเล่นใน ยูฟ่า คัพ

จากนั้นเขาย้ายไป โวย์โวดิน่า และตามด้วย เมตาลูรห์ โดเนตส์ค ทีมเงินหนาของในลีกยูเครน

กระทั่งปี 2012 เมืองทอง ได้สร้างเซอร์ไพร์สด้วยการนำ ยูรอฟสกี้ ที่พกด้วยดีกรีทีมชาติมาซิโดเนีย มาเล่นใน ไทยลีก

เพียงฤดูกาลแรกเขาก็เป็นคีย์แมนสำคัญที่ทำให้กิเลนผยองคว้าแชมป์ ไทยพรีเมียร์ลีก แบบ 'ไร้พ่าย' เป็นสโมสรแรกในประเทศไทย

ทีมชุดนั้น ยูรอฟสกี้ ผนึกกำลังร่วมกับ ดานโญ่ เซียก้า, พิชิพงษ์ เฉยฉิว และ ดัสกร ทองเหลา ในแดนกลาง คอยเปิดป้อนให้ ธีรศิลป์ แดงดา ศูนย์หน้าทีมชาติไทย ยิงประตูกระจุยกระจาย

ความเข้าขาระหว่าง ยูรอฟสกี้ กับ ธีรศิลป์ ได้รับการขนานนามจากสื่อมวลชนว่า 'M and M' อันย่อมาจาก มาริโอ และ มุ้ย (ชื่อเล่นของ ธีรศิลป์)

การย้ายมาเล่นในเมืองไทย ของ ยูรอฟสกี้ ได้สร้างปรากฏการณ์มากมายให้กับวงการลูกหนังแดนสยามเขาช่วยยกระดับการแข่งขันในลีกให้สูงยิ่งขึ้น ทำให้ผู้เล่นไทย ได้สัมผัสถึง 'เซนส์' ฟุตบอลที่เหนือชั้นและยังทำให้หลายๆ สโมสรคัดเลือกผู้เล่นในโควตาต่างชาติอย่างเข้มข้นมากกว่าเดิม

เท่านั้นไม่พอตำนานหมายเลข 20 ยังได้สร้างสีสันให้กับสื่อมวลชนหันมาสนใจฟุตบอลมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง 'ท่าดีใจ' ที่ชวนให้แฟนๆ ยิ้มได้, การแอสซิสต์ที่เฉียบขาดจนสร้าง ธีรศิลป์ แดงดา และ ดราแกน บอสโกวิช ให้เป็น 'ดาวซัลโวสูงสุด' มาแล้ว หรือประตูสุดมหัศจรรย์ที่เขามักจะทำให้เป็นอยู่อย่างสม่ำเสมอก็เป็นอีกหนึ่งจุดขายของ ยูรอฟสกี้

ผลงานระดับชาติ ยูรอฟสกี้ ติดทีมชาติมาโดเนีย ชุดใหญ่มาตั้งแต่ปี 2010 ซึ่งเล่นเคียงคู่ โกรัน ปานเดฟ นักเตะระดับโลกผู้เคยได้แชมป์ กัลโช่ เซีเรีย อา, โกปา อิตาเลีย และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ร่วมกับ อินเตอร์ มิลาน สโมสรใหญ่ของประเทศอิตาลี

หลังจากประกาศรีไทร์จากการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ยูรอฟสกี้ ไปร่ำเรียนศาสตร์โค้ชอย่างจริงจัง และก็ได้เป็นโค้ชเยาวชนของ เมืองทอง ในรุ่น ยู-17 และยู-19 ปี

นอกจากนี้เขายังมีงานด้านสื่อมวลชนอย่างรายการ 'พูดคุยกับเบอร์ 20' ที่ได้นักเตะระดับโลกมาเป็นแขกรับเชิญมากมาย ไม่ว่าจะเป็น จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม, เชส ฟาเบรกาส, บรูโน่ แฟร์นันด์ส และอีกมากมาย